แต่ว่ากล้องโทรศัพท์มือถือนั้นก็มีขีดจำกัดของมันอยู่ที่จะได้ภาพสวยๆ
บางคนพอเห็นคนอื่นใช้กล้องจริงๆ ถ่ายรูปออกมาแล้วดูสวย ก็เกิดความรู้สึกอยากถ่ายได้ภาพสวยๆ แบบนั้นบ้าง หลายครั้งที่เราจะเจอคนถามว่าใช้กล้องอะไรถ่าย จะได้ซื้อมาใช้บ้าง จะได้ถ่ายได้สวยๆ
แต่พอซื้อมาแล้ว อ้าว ทำไมถ่ายเองไม่เห็นสวยแบบที่คนอื่นถ่ายเลย
แสดงว่ากล้องที่ซื้อมา มันไม่ดีสินะ ฮ่า
ก่อนที่จะเลือกกล้อง ก็เอาเป็นว่าเรามาทำความเข้าใจเรื่องของกล้องกันก่อนดีกว่า
ในท้องตลาดตอนนี้ ถ้าจะแบ่งกล้องเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ผมจะแบ่งได้ 3 กลุ่ม
1. กล้องโทรศัพท์มือถือ
2. กล้องคอมแพ็ค
3. กล้องใหญ่
ต่อไปก็จะอธิบายลักษณะกล้อง ตามความเข้าใจของผม
กล้องที่คนถ่ายรูปไม่เป็น ถ่ายแล้วมีโอกาสได้ภาพมากที่สุด คือ กล้องโทรศัพท์มือถือ
เพราะว่าเราเห็นหน้าจอก่อนถ่ายได้เลย
ขอเทียบเหตุการณ์จริงจากตัวเองและคนใกล้ตัวเลยนะ
ก่อนผมจะหัดถ่ายรูปด้วยกล้องใหญ่ ผมก็มีใช้กล้องคอมแพ็คถ่ายรูปบ้าง แต่ถ่ายแล้วก็ไม่เคยได้เอามาดูหรอก ฮ่า
พอเอาภาพที่ถ่ายเมื่อกลางปีมาเปิดดู พบว่าภาพเสียมากกว่าดี T-T
เมื่อต้นเดือน พี่สาวให้ผมช่วยล้างข้อมูลภาพจากโทรศัพท์และกล้องคอมแพ็ค
พอเปิดดูรูปภาพที่ถ่ายมาแล้ว อาการเดียวกัน คือภาพในมือถือยังดูดีกว่าในกล้อง ฮ่า
ที่ว่าภาพเสีย ก็คือภาพเบลอ เบลอแบบโฟกัสไม่เข้าบ้าง ความเร็วชัตเตอร์ช้าบ้าง มืดดำบ้าง
เป็นภาพที่ถ่ายในบ้าน ในอาคาร หรือตอนค่ำๆ
การถ่ายภาพเนี่ย พอแสงน้อย โอกาสที่ภาพเสียเพราะเบลอจะเยอะ
ถ้าเป็นกล้องโทรศัพท์มือถือ จะถ่ายได้ง่ายสุด พกสะดวกสุด
แต่ก็ได้คุณภาพของภาพต่ำสุดในบรรดากล้องทั้งหลายทั้งปวง
กล้องใหญ่จะได้คุณภาพรูปที่ดีสุด แต่ต้องใช้เวลาศึกษากับมันพอสมควรเลย
เพราะถ้าไม่ศึกษาวิธีการถ่ายภาพ ภาพออกมานี่กระป๋องมาก - -'a
เคยเห็นภาพของหลายคนที่เอามาแปะกระทู้ อย่างกับภาพถ่ายจากกล้องคอมแพค หรือกล้องโทรศัพท์ - -'
โหมดออโต้ของกล้องใหญ่ ไม่ใช่ว่าจะได้ภาพสวยวิ้งเสมอไปหรอกนะ
เจอสถานการณ์ที่แสงไม่ได้สวยจริงๆ ส่วนใหญ่ก็ได้ภาพพอๆ กับกล้องคอมแพ็คนั่นแหละ
ความแตกต่างที่ใช้แยกกลุ่มระหว่างกล้องใหญ่ กับ กล้องคอมแพ็ค ออกจากกัน ก็คือเรื่องของเลนส์
กล้องใหญ่ จะถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ แต่กล้องคอมแพ็คจะถอดเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้
ทีนี้ถ้าคิดว่าตัวเองพร้อมจะถ่ายรูปด้วยกล้องใหญ่แล้ว ก็มาดูกันต่อ
ตอนนี้จะพูดถึงแต่กล้องใหญ่ล่ะ
คิดว่าแทบทุกคน มักจะถามว่า จะซื้อกล้องตัวไหนดี
ซึ่งมันก็ตอบยาก เพราะต้องดูลักษณะการใช้งานของตัวเราเอง
ถ้าถ่ายรูปเป็นแล้ว ในสถานการณ์ที่แสงโอเคแบบปกติ
บอกได้เลยว่า ใช้กล้องไหน ก็ถ่ายได้สวยเหมือนกันหมด
ปัจจัยเสริม ก็จะเป็นเรื่องของเลนส์
ก็อยู่ที่ตัวเรา ว่าเราชอบกล้องยี่ห้อไหน หน้าตาแบบไหน ลักษณะไฟล์ภาพแบบไหน
แต่ถ้าในสถานการณ์ที่แสงไม่ปกติ นี่ล่ะ ที่กล้องแต่ละตัวทำได้ไม่เท่ากัน เช่น
- ถ่ายที่แสงน้อย (ในอาคารหรือช่วงค่ำๆ มืดๆ) ,
- ถ่ายที่แสงมั่ว (ตามงานอีเวนต์ที่มีไฟสีๆ ส่องมา) ,
- ถ่ายที่แสงมาก (กลางแจ้งแดดเปรี้ยง หรือถ่ายย้อนแสง) ฯลฯ
ที่พูดแต่เรื่องแสง เพราะจะถ่ายภาพให้ดูดี สำคัญสุดคือแสง
ถ้าแสงไม่ดี ถ่ายพริตตี้มายังขี้เหร่เลย - -'a
ทุกวันนี้ไปเดินงาน ไม่เคยคิดจะถ่ายพริตตี้เลย เพราะสภาพแสงในงานมันแย่มาก
จนเราถ่ายภาพไปก็ไม่ได้ภาพสวย ไม่ช่วยให้การหัดถ่ายรูปเลย - -'a
มีหลายคนที่หัดถ่ายภาพ เอาภาพถ่ายพริตตี้มาแปะโชว์ในกระทู้ เห็นแล้วสงสารนางแบบจริงๆ T-T
กล้องใหญ่ก็จะแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 พวก คือ กล้อง DSLR และ กล้อง Mirrorless
ซึ่งทั้งสองพวก ก็จะมีประเภทย่อยๆ ลงไปอีก คือ
- ระดับโปร (สำหรับกลุ่มใช้กล้องเป็นอาชีพ)
- ระดับกึ่งโปร
- ระดับเริ่มต้น
สมัยก่อนเห็นแบ่งกันแค่สามกลุ่ม คือ Professional, Mid-range (Semi-Pro), Entry Level
แต่เดี๋ยวนี้ต้องการขยายกลุ่มตลาด เลยมีซอยรุ่น เช่น High-end, Advanced เข้ามาอีกจนงงๆ กับการแบ่งกลุ่มเหมือนกัน
แต่ยังไม่พูดถึงประเภทย่อยล่ะ เอาแค่ความเป็น DSLR กับ Mirrorless ก็พอ
เพราะไม่งั้นยังต้องพูดถึงประเภทกล้องแบบ 4/3, m4/3 อีก
แล้วก็ยังมีกล้องแบบ APS-C กับ Full Frame
ดังนั้นข้ามไปก่อนเต๊อะ ฮ่า
กล้องแบบ DSLR ต่างกับกล้องแบบ Mirrorless ยังไง?
ถ้าตอบแบบเชิงเทคนิค ก็คือ กล้อง DSLR จะมีกระจกสะท้อนภาพ (Digital Single Lens Reflex)
ส่วนกล้อง Mirrorless ก็ตามชื่อนั่นแหละ คือไม่มีกระจกสะท้อนภาพ
แต่ถ้าตอบแบบนี้ บรรดามือใหม่หัดถ่าย ที่จะเลือกซื้อกล้อง ก็คงจะงง ไม่รู้เรื่องอยู่ดี ฮ่า
เอาเป็นว่าแบบง่ายๆ เลยก็แล้วกัน มาดูคุณสมบัติของทั้งสอบแบบที่แตกต่างกัน
กล้อง DSLR
- ตัวใหญ่กว่า จับถนัดมือกว่า หนักกว่า
- การควบคุมกล้อง เพื่อเปลี่ยนโหมด เปลี่ยนค่า ปรับค่า ทำได้ง่ายกว่า เพราะปุ่มควบคุมต่างๆ กดปรับได้เลย
- ประหยัดแบตกว่า
- ถ่ายกลางแจ้งได้สะดวกกว่า เพราะใช้ช่องมองภาพ ไม่มีปัญหาเรื่องแสงแดด
- ถ่ายในที่แสงน้อยหรือย้อนแสง จะมีแฟลชหัวกล้องช่วย ซึ่งสามารถปรับความสว่างของแฟลชได้
- สามารถต่อแฟลชแยกได้ เพื่อการสร้างภาพที่ดีกว่า
กล้อง Mirrorless
- ตัวเล็กกว่า เบากว่า จับไม่ค่อยถนัดมือ แต่ด้วยความที่กล้องตัวเล็กและเบากว่า ทำให้พกพาสะดวกกว่า
- การควบคุมกล้อง บางรุ่นก็มีปุ่มควบคุมให้กดด้านนอกได้เลย บางรุ่นต้องเข้าไปเลือกในเมนู สาเหตุเพราะกล้องตัวเล็กกว่า เลยมีพื้นที่ให้ใส่ปุ่มน้อยกว่า
- เปลืองแบตกว่า เพราะว่าเวลาถ่ายรูป จะแสดงผลบนหน้าจอ LCD ที่ต้องใช้พลังงาน เท่าที่ใช้งานอยู่ แบตก้อนนึงจะได้ราวๆ 2 ชั่วโมง
- เนื่องจากใช้จอ LCD ในการดูว่ากล้องมองเห็นอะไร ทำให้เวลาที่ต้องถ่ายกลางแสงแดด จะมองหน้าจอแทบไม่เห็น ซึ่งบางรุ่นจะมีช่องมองภาพในตัว แต่บางรุ่นต้องซื้อมาเสียบเอง ราคาก็ค่อนข้างสูง เป็นหมื่นขึ้นไป
- ส่วนใหญ่ไม่มีแฟลชในตัว บางรุ่นเป็นแฟลชเล็กๆ มาเสียบ ซึ่งไม่ว่าแบบไหนก็ปรับความส่วางของภาพไม่ได้ เวลาถ่ายโดยใช้แฟลช ก็จะได้ภาพสว่างวาบออกมา คือแค่ได้ภาพ แต่อย่าหวังภาพสวย - -'a
- ส่วนใหญ่จะต่อแฟลชแยกไม่ได้
ตอนผมหัดถ่ายภาพ ผมเริ่มต้นจากกล้อง Fuji FinePix HS10 ต่อด้วยกล้อง Canon EOS Kiss X3 (450d)
หลังจากหัดถ่ายจริงจัง พบว่าลักษณะการถ่ายภาพของตัวเอง เข้ากับกล้อง Mirrorless มากกว่า เพราะเรื่องการพกพานั่นแหละ
พื้นฐานการเลือกกล้องเบื้องต้น ก็ประมาณนี้ เมื่อเลือกได้แล้วว่าเราน่าจะเหมาะกับกล้องประเภทไหน ก็ไปจับของจริงกันที่ร้านเลย ที่เขามีตัวโชว์ให้ลอง ว่าชอบหน้าตา รูปร่าง หรือเปล่า
พอได้ยี่ห้อ รุ่น ที่ถูกใจแล้วก็มาค้นข้อมูล ว่ายี่ห้อนั้น รุ่นนั้น มีขีดจำกัดอะไรแค่ไหน มีข้อเสียอะไรบ้าง
และเวลาจะซื้อกล้อง ถ้าไปซื้อตามงานกล้อง จะได้พวกส่วนลดที่มากกว่า หรือมีของแถม หรือได้โปรโมชันแลกซื้อ
วงจรชีวิตของกล้องก็เหมือนกับพวกโทรศัพท์มือถือ ราคาลงเร็ว มีรุ่นใหม่ออกทุกปี
ผมเลยรู้สึกว่า เวลาซื้อ เลือกของตกรุ่น จะได้กล้องที่ราคาถูกลงเยอะมาก
แต่หลายคนก็จะคิดว่า เลือกกล้องรุ่นใหม่สุด เพราะจะได้เทคโนโลยีล่าสุด ได้ใช้ไปยาวๆ
ตรงนี้ก็คงแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนกันล่ะ - -)v
และอย่าลืมว่า การถ่ายได้ภาพสวยนั้น อุปกรณ์เป็นส่วนเสริมให้เราเรียนรู้ได้เร็วขึ้น แต่เราก็ต้องทำความเข้าใจกับการใช้งานมันด้วย
ไม่งั้นต่อให้มีกล้องดีอยู่ในมือ แต่ถ่ายออกมาแล้วภาพเหมือนใช้โทรศัพท์ถ่าย ก็น่าเสียดาย :)
* * * * * * * * * *
[Keyword]
เลือกกล้อง.